1.วัสดุของรองเท้าหนัง - ในปัจจุบันผู้ผลิตรองเท้ารุ่นใหม่ๆ ได้เปลี่ยนไปใช้หนังเทียมเพื่อทดแทนหนังแท้ที่มีความหายากมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งรองเท้าแบบนี้หากดูแค่เผินๆ ก็ไม่สามารถแยกความแตกต่างระหว่างหนังแท้กับหนังเทียมได้ แต่รองเท้าที่ทำจากหนังแท้นั้นมีราคาแพงกว่ามาก และเมื่อใช้งานรองเท้าหนังเทียมไปสักระยะหนึ่งก็จะเริ่มเห็นความแตกต่างอย่างชัดเจนในเรื่องของความนุ่มสบายและความทนทาน ซึ่งถ้าใครไม่อยากเปลี่ยนรองเท้าหนังบ่อยๆ ก็ต้องเลือกซื้อรองเท้าหนังแท้เท่านั้น
2. ประเภทของรองเท้าหนัง - รองเท้าหนังมีหลายแบบให้เลือกสวมใส่ เพราะรสนิยมของแต่ละคนไม่เหมือนกัน รวมไปถึงโอกาสในการใส่เพื่อให้เข้ากับชุดด้วย โดยรองเท้าหนังแบบที่นิยมใส่กัน มีดังนี้
รองเท้าหนังแบบ Oxford |
รองเท้าหนังแบบ Blucher |
Blucher - รองเท้าชนิดนี้จะดูเป็นทางการน้อยกว่าแบบ Oxford ด้วยการโชว์ตะเข็บเย็บชัดเจน แต่ถ้าไม่ค่อยรู้เรื่องรองเท้าหนัง กับไม่สังเกตดีๆ ส่วนใหญ่ก็แยกกันไม่ค่อยออกว่าอันไหนคือ Oxford อันไหนคือ Blucher ดังนั้นรองเท้าหนังทั้งสองแบบนี้จึงสามารถใช้งานแทนกันได้
เปรียบเทียบรองเท้าหนัง Oxford กับ Blucher |
รองเท้าหนังแบบ Dress Boot |
4. วิธีเลือกสีของรองเท้าหนัง - วิธีการเลือกสีของรองเท้าหนังนั้นมีหลักการง่ายๆก็คือ ให้เลือกสีที่เข้ากับกางเกงของเรา โดมีตัวอย่างดังนี้
- รองเท้าหนังสีดำ เหมาะกับกางเกงสีดำ สีเทา และสีกรมท่า
- รองเท้าหนังสีน้ำตาลเข้มหรือสีแทน เหมาะกับกางเกงสีอ่อนๆ อย่างสีขาว หรือสีน้ำตาลอ่อน
- รองเท้าหนังสีน้ำตาล เหมาะกับกางเกงสีน้ำตาล สีน้ำตาลเข้ม สีเบจ
- รองเท้าหนังสีน้ำตาลส้มหรือสีก้อนอิฐ เหมาะกับกางเกงสีเทา สีน้ำเงิน
- รองเท้าหนังสีเทาสามารถใส่กับกางเกงได้หลากสี แต่จะเข้ากับกางเกงสีน้ำตาลมากที่สุด
5. การดูแลรักษารองเท้าหนังให้ใส่ได้นานๆ - รองเท้าหนังจะมีอายุการใช้งานนานหรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับการดูแลรักษาของผู้ใช้เองด้วย ถ้าหากเรามีรองเท้าหนังที่ต้องใช้งานบ่อยๆ ก็ควรจะมีชุดขัดรองเท้าติดบ้านไว้ ซึ่งนอกจากการขัดรองเท้าเพื่อคงความสวยงามแก่รองเท้าหนังแล้ว ยังช่วยยืดอายุและรักษาสภาพของหนังไว้ให้ใช้งานได้นานอีกด้วย และอีกเรื่องที่ควรรู้ก็คือรองเท้าหนังจะเสื่อมสภาพไวเมื่อเก็บไว้ในที่ที่มีความชื้นมาก ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงโดยการเก็บไว้ในตู้เก็บรองเท้าที่มิดชิด